การตรวจวิเคราะห์ระดับไวตามินดีในน้ำนมเปรียบเทียบกับระดับไวตามินดีในเลือดของหญิงช่วงให้นมบุตรด้วยเทคนิค High Performance Liquid Chromatography (HPLC)
by นริสา เก่งตรง บดีรัฐ; Narisa Kengtrong Bordeerat
การตรวจวิเคราะห์ระดับไวตามินดีในน้ำนมเปรียบเทียบกับระดับไวตามินดีในเลือดของหญิงช่วงให้นมบุตรด้วยเทคนิค High Performance Liquid Chromatography (HPLC) | |
Determination of vitamin D in Material milk and serum during Lactation using high performance liquid chromatography (HPLC) | |
นริสา เก่งตรง บดีรัฐ
Narisa Kengtrong Bordeerat |
|
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
2014 | |
สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
ในปัจจุบันได้มีแนวคิดการดำเนินโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว มุ่งเน้นให้แม่เลี้ยงดูบุตรด้วยนมแม่เพื่อการพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของบุตร ทำให้จำนวนของแม่ที่เลี้ยงดูบุตรด้วยนมแม่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเด็กทารก กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรจึงเป็นกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดไวตามินดี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ควรเฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินภาวการณ์ขาดไวตามินดีอย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลในเรื่องระดับไวตามินดีที่เหมาะสมและความสัมพันธ์ของระดับไวตามินดีในร่างกายและน้ำนมของหญิงในช่วงให้นมบุตรยังมีไม่เพียงพอ นอกจากนั้นการตรวจวิเคราะห์ระดับไวตามินดีในน้ำนมยังมีความยุ่งยาก และราคาแพง ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของระดับไวตามินดีในเลือดและระดับไวตามินดีในน้ำนมของหญิงช่วงให้นมบุตร และมีจุดมุ่งหมายเพื่อจะพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์ไวตามินดีในน้ำนมด้วยเทคนิค HPLC ให้มีความความถูกต้อง แม่นยำ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ทางคลินิกได้ จากการศึกษาพบว่า สภาวะที่เหมาะสมในการเตรียมตัวอย่างสำหรับวิเคราะห์ระดับไวตามินดีในน้ำนมและซีรั่มทำโดยการสกัดด้วยด่าง (โพแทสเซียมไฮดรอไซด์) เข้มข้นใน hexane โดยใช้ retinyl acetate เป็น internal standard (IS) การแยกสารจะใช้คอลัมน์ชนิดคาร์บอน (C-18) และ mobile phase ประกอบด้วยสารผสมของ methanol-deionized water ใช้อัตราการไหลแบบ gradient 1.0 มิลลิลิตรต่อนาที ทำการตรวจวัดด้วยความยาวคลื่น 265 นาโนเมตร ที่อุณหภูมิห้อง 25 องศาเซลเซียส ไวตามินดี (25-(OH)D)สามารถแยกออกจาก IS ได้ที่เวลา 8.56 นาทีและ 9.07 นาทีตามลําดับ ใช้เวลาในการวิเคราะห์รวม 15 นาที ผลการตรวจสอบความถูกต้องน่าเชื่อถือของวิธีวิเคราะห์มีค่าขีดจำกัดของการตรวจพบ (LLOD) เท่ากับ 1.03 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร และมีค่าขีดจำกัดของการตรวจวัดเชิงปริมาณ (LLOQ) เท่ากับ 3.29 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร เส้นกราฟมาตรฐานมีความเป็นเส้นตรง (linearity) เท่ากับ 0.996 ที่ความเข้มข้น 0 - 500 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ความถูกต้อง (accuracy) ของการตรวจวัดไวตามินดีที่ความเข้มข้น 5 25 และ 100 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ได้ผลอยู่ในช่วง 99.13% – 105.73% ความแม่นยำ (precision) ในการวิเคราะห์ไวตามินดีมีค่า %CV อยู่ในช่วง 1.42 - 5.13 % (within run) และ 3.8 - 5.1% (between run) ดังนั้นวิธีการตรวจวิเคราะห์ที่พัฒนาขึ้นมีความถูกต้องแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ การประยุกต์วิธีวิเคราะห์ที่พัฒนาได้เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของระดับไวตามินดีในน้ำนมและซีรั่มของหญิงให้นมบุตรจำนวน 40 ราย พบว่า ระดับไวตามินดีเฉลี่ยในน้ำนมของหญิงให้นมบุตรกลุ่มนี้ (36.99 ± 12.21 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร) มีค่าต่ำกว่าระดับไวตามินดีเฉลี่ยในซีรั่ม (42.58 ± 14.69 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และความสัมพันธ์ระหว่างระดับไวตามินดีในน้ำนมและซีรั่มมีความสัมพันธ์อยู่ในระดับปานกลาง (r = 0.501) แสดงให้เห็นว่าการตรวจประเมินระดับไวตามินดีในซีรั่มไม่สามารถใช้เป็นตัวแทนประเมินระดับไวตามินดีในน้ำนมที่ถ่ายทอดจากแม่ไปยังลูกได้ ดังนั้นกลุ่มหญิงให้นมบุตรควรได้รับการตรวจติดตามวัดระดับไวตามินดีในน้ำนมเพื่อประเมินระดับที่จะถ่ายทอดไปยังลูกโดยตรง |
|
ตรวจวิเคราะห์ระดับไวตามินดี
ระดับไวตามินดีในเลือด หญิงช่วงให้นมบุตร เทคนิค High Performance Liquid Chromatography (HPLC) |
|
บทความ | |
Text | |
application/pdf | |
tha | |
เอกสารฉบับนี้สงวนสิทธิ์โดยสำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือนำไปเผยแพร่ตัดต่อโดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร | |
สงวนสิทธิ์ในการเข้าถึงเฉพาะบุคลากรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | |
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) | |
https://repository.turac.tu.ac.th/handle/6626133120/252 |
Files in this item (CONTENT) |
|
View no-fulltext.doc ( 21.50 KB ) |
This item appears in the following Collection(s) |
|
Collections
|